· ให้ไว้ ณ วันที่ 14 สิงหาคม
2542 ประกาศ ณ
วันที่ 19 สิงหาคม
2542
·
มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
รักษาการ
·
เกิดจากหมวด 5 มาตรา 81 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
(จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ)
มาตรา 4 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม
โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ
การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้
และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต
·
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
·
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบนอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
·
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล
และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา / หน่วยงานต้นสังกัด
·
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า
การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพทางการศึกษา ( สมศ )
·
ผู้สอน หมายความว่า ครู และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ
·
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน
ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
·
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา
ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน(ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/การส่งเสริม)
·
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา
ทั้งรัฐ และเอกชน
·
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษา
นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
·
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการจัดกระบวนการเรียนการสอน
การนิเทศ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
มี 9 หมวด 78 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
หมวดที่ 1 บททั่วไป ความมุ่งหมาย
และหลักการ ( มาตรา 1 – 9 )
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย
ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ
สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
มาตรา 8 หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ ดังนี้
1. เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
สำหรับประชาชน
2. ให้สังคมมีส่วนร่วม
ในการจัดการศึกษา
3. การพัฒนาสาระ
และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 สิทธิ และหน้าที่ทางการศึกษา
( มาตรา 10 – 14 )
มาตรา 10 การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง
มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
·
การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด
หรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก
สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
·
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม
โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล ( ความแตกต่างระหว่างบุคคล )
มาตรา 13 บิดามารดา หรือผู้ปกครอง
มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย )
1. การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
มาตรา 14 บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน
องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และอื่น ๆ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย )
1. การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
หมวดที่ 3 ระบบการศึกษา (
มาตรา 15 – 21 )
มาตรา 15 ระบบการศึกษา มี 3 ระบบ
1. การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา
ของการศึกษา การวัดผล
และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน
2. การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการ
ศึกษา หลักสูตร
ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา
3. การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ
มาตราที่ 16 การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับ คือ
1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า 12
ปี ก่อนอุดมศึกษา
2. การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา
และระดับปริญญา
มาตรา 17 การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน 9 ปี
โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
จนอายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา 18 การจัดการศึกษาปฐมวัย
และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
1. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
2. โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน
3. ศูนย์การเรียน
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา (มาตรา
22 – 30) เป็นหัวใจของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 22 การจัดการศึกษายึดหลักว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศักยภาพ
มาตราที่ 23 จุดเน้นในการจัดการศึกษา (
ทั้ง 3 ระบบ )
1. ความรู้ คุณธรรม 3. กระบวนการเรียนรู้ 4. บูรณาการ ตามความเหมาะสม ดังนี้
·
ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม
รวมถึงประวัติความเป็นมาของสังคมไทย และระบอบการปกครอง
·
ความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
·
ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา
ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
·
ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
·
ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตรา 25 รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือว่า
การประเมินผล เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา
และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา )
มาตรา 27 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา 30 สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมผู้สอนให้
สามารถวิจัย
เพื่อพัฒนาผู้เรียน
หมวด 5 การบริหาร และการจัดการศึกษา (
มาตรา 31 – 46 )
ส่วนที่ 1 การบริหาร
และการจัดการศึกษาของรัฐ
มาตรา 32 การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา
จำนวน 4 องค์กร
คือ ( ข้อสอบแน่ ๆ )
1. สภาการศึกษา มีหน้าที่
·
พิจารณา เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ
·
พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา
·
พิจารณาเสนอนโยบาย และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา
·
ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
·
ให้ความเห็น และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง
·
คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน 59 คน
)ประกอบด้วย ( ข้อสอบ )
·
ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
·
กรรมการโดยตำแหน่ง
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
·
ผู้แทนคณะสงฆ์
·
ผู้แทนศาสนาอิสลาม
·
ผู้แทนศาสนาอื่น
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 30 คน )
·
เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
2. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ พิจารณา
เสนอแผนพัฒนามาตรฐาน และ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( ข้อสอบ
)
·
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
กรรมการโดยตำแหน่ง ( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา /
เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ / ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ.สำนักรับรองมาตรฐาน และประกันคุณภาพ)
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา )
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 12 คน และผู้แทนพระ 1 รูป )
·
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นกรรมการ และเลขานุการ
( เป็นนิติบุคคล )
·
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
)
·
คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
)
มาตรา 37 การบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึง
1. ปริมาณสถานศึกษา
2. จำนวนประชากร
3. วัฒนธรรม
4. ความเหมาะสมด้านอื่น ๆ ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
( ข้อสอบ )
มาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
·
คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน 15 คน
)ประกอบด้วย
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนองค์กรเอกชน
·
ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู
·
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
·
ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง และครู
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
·
ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
·
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
·
ผู้แทนผู้ปกครอง
·
ผู้แทนครู
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
·
ผู้แทนศิษย์เก่า
·
ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
·
ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ส่วนที่ 2 การบริหาร
และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
ส่วนที่ 3 การบริหาร และการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 44 สถานศึกษาเอกชน เป็น นิติบุคคล
·
คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย
·
ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
·
ผู้รับใบอนุญาต
·
ผู้แทนผู้ปกครอง
·
ผู้แทนองค์กรชุมชน
·
ผู้แทนครู
·
ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา )
·
ผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 45 สถานศึกษาเอกชน มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
หมวดที่ 6 มาตรฐาน
และการประกันคุณภาพทางการศึกษา ( มาตรา 47 – 51
)
มาตรา 47 ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา
เพื่อพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษา
ทุกระดับ ประกอบด้วย
ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา
จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน โดยให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายใน
·
เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
·
ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
·
จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด / หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
·
เปิดเผยต่อสาธารณชน
มาตรา 49 ให้มี สำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพทางการศึกษา มีฐานะเป็น
องค์กรมหาชน มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์
วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อตรวจสอบ
คุณภาพ ของสถานศึกษา อย่างน้อย 1
ครั้ง ในทุก 5 ปี
นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสาธารณชน
มาตรา 51 กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา
ไม่ได้มาตรฐานให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมวดที่ 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
( มาตรา 52 – 57 )
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา
และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ
มีอำนาจ ( ทำให้เกิด
พ.ร.บ.สภาครู ฯ )
·
กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ / ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
กำกับดูแลการ
ปฏิบัติตามมาตรฐาน
และจรรยาบรรณของวิชาชีพ / พัฒนาวิชาชีพ
·
ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ และเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ยกเว้น
·
บุคลากรที่จัดการศึกษา ตามอัธยาศัย
·
ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา
·
วิทยากรพิเศษทางการศึกษา
·
คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา
ระดับปริญญา
หมวดที่ 8 ทรัพยากร และการลงทุน
เพื่อการศึกษา ( มาตรา 58 – 62 )
มาตรา 59 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ
ที่เป็นนิติบุคคลได้มา โดยมีผู้อุทิศให้หรือซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา ( ข้อสอบ
)
·
บรรดารายได้ และผลประโยชน์ต่าง ๆ
ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง
ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้
หมวดที่ 9 เทคโนโลยี เพื่อการศึกษา ( มาตรา 63 – 69 )
มาตรา 63 รัฐต้องจัดคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ โครงสร้างพื้นฐานอื่น
ที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา
มาตรา 64 รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต
และพัฒนาแบบเรียน โดนเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม
บทเฉพาะกาล ( มาตรา 70 – 78 )
มาตรา 70 บรรดา กฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 ปี
นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้ ( ข้อสอบ
)
มาตรา 71 กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานทางการศึกษา
และสถานศึกษา ที่มีอยู่ในวันที่
พ.ร.บ.บังคับใช้ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 3
ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้
มาตรา 72 ห้ามมิให้ใช้ มาตรา
10 ( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ) มาบังคับใช้ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.
แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี
นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้
·
ภายใน 6 ปี นับแต่วันที่
พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( 2548 )
มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น องค์กรมหาชนเฉพาะกิจ
มาตรา 76 คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จำนวน 9 คน
มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว
3 ปี
เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน
ครูเชียงรายดอทเน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น